สืบเนื่องการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการกำหนดราคาโอนระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน ( Transfer Pricing ) โดยเพิ่มเติม 3 มาตราหลัก คือ มาตรา 35 ตรี มาตรา 71 ทวิ และมาตรา 71 ตรี ในการนี้ผู้เขียนขออัพเดตหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมายได้ประกาศเพิ่มเติม สำหรับหลักเกณฑ์การปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่อาจมีข้อกำหนดในการทำธุรกรรมระหว่างกันแตกต่างจากที่ควรกำหนดหากเป็นคู่ค้าอิสระ (ไม่ใช่บริษัทในเครือเดียวกัน) ในลักษณะที่เชื่อได้ว่ามีการถ่ายโอนกำไร อันจะส่งผลให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจปรับปรุงรายได้และรายจ่าย ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
กฎกระทรวงฉบับ 396 พ.ศ. 2563 กำหนดหลักเกณฑ์การปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร โดยมีสาระสำคัญสรุปดังนี้
“ข้อกำหนดทางด้านการพาณิชย์หรือการเงิน” หมายความว่า ข้อกำหนด ข้อตกลง หรือสัญญาใดๆ ที่เกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าหรือบริการ การตลาด การโฆษณา หรือการอื่นใดในทางพาณิชย์ หรือที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน การให้ความช่วยเหลือหรือความร่วมมือทางการเงิน หรือการอื่นใดในทางการเงิน ไม่ว่าจะมีการทำเป็นหนังสือหรือไม่ก็ตาม
1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันซึ่งมีข้อกำหนดทางด้านการพาณิชย์หรือการเงินระหว่างกันแตกต่างไปจากที่ควรได้กำหนดหากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวได้ดำเนินการโดยอิสระ ในลักษณะที่เชื่อได้ว่ามีการถ่ายโอนกำไร จะต้องเข้าลักษณะ ดังต่อไปนี้
(1) มีข้อกำหนดทางด้านการพาณิชย์หรือการเงินระหว่างกัน
(2) ข้อกำหนดดังกล่าวแตกต่างไปจากข้อกำหนดในลักษณะเดียวกันที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ดำเนินการโดยอิสระควรได้กำหนด
(3) ข้อกำหนดดังกล่าวมีผลทำให้เกิดการถ่ายโอนกำไรระหว่างกัน ผ่านกลไกอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
(ก) ราคาซื้อขายสินค้าหรือบริการ รวมถึงเงื่อนไขหรือวิธีการชำระค่าสินค้าหรือบริการที่แตกต่างไป เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ดำเนินการโดยอิสระใช้ในการซื้อขายสินค้าหรือบริการชนิดหรือประเภทเดียวกันและภายใต้สภาวการณ์เดียวกัน
(ข) ดอกเบี้ย ค่าบริการทางการเงิน หรือค่าธรรมเนียมทางการเงินอื่นใดที่ได้รับหรือได้จ่ายระหว่างกันที่แตกต่างไป เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ดำเนินการโดยอิสระพึงได้รับหรือพึงได้จ่าย
(ค) รายได้หรือรายจ่ายอื่นๆ ที่ได้รับหรือได้จ่ายระหว่างกันแตกต่างไป เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ดำเนินการโดยอิสระพึงได้รับหรือพึงได้จ่าย
2. การปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน เพื่อให้ได้จำนวนรายได้ที่พึงได้รับและรายจ่ายที่พึงได้จ่ายหากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวได้ดำเนินการโดยอิสระ ให้เจ้าพนักงานประเมินดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้
(1) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันมีการทำธุรกรรมในลักษณะเดียวกันกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่นที่ดำเนินการโดยอิสระอย่างเป็นปกติธุระ ให้ใช้ข้อมูลเกี่ยวกับรายได้หรือรายจ่ายจากธุรกรรมดังกล่าวในการพิจารณากำหนดจำนวนรายได้ที่พึงได้รับและรายจ่ายที่พึงได้จ่าย
(2) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันไม่มีการทำธุรกรรมตาม (1) ให้ใช้ข้อมูลการทำธุรกรรมลักษณะเดียวกันระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่น ไม่ว่าธุรกรรมนั้นจะกระทำในหรือนอกประเทศหรือกระทำโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่างประเทศ ในการพิจารณากำหนดจำนวนรายได้ที่พึงได้รับและรายจ่ายที่พึงได้จ่าย
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีจะประกาศกำหนดต่อไป
ที่มา https://bit.ly/2Id46VK