นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 มี.ค.นี้
จะนำผลการศึกษาเกี่ยวกับปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตของชา กาแฟและสถานบริการ ที่คณะกรรมการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตทั้งระบบ ซึ่งมี
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เสนอให้นายกรณ์
จาติกวณิช รมว.คลัง รับทราบ
ส่วนภาษีบาป (sin tax) ที่เหลืออีก 7-8 ตัว เช่น เหล้า บุหรี่ คาดว่าจะสรุปได้ในอีก 2
สัปดาห์ จากนั้นน่าจะสามารถเสนอเข้าสู่ การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
(ครม.) ได้ภายในต้นเดือน เม.ย. 2552
"เท่าที่คุย รัฐมนตรีคลังเห็นด้วยในหลักการ แต่ได้ให้คำแนะนำมาว่า ควรจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เน้นการจัดเก็บภาษีในสินค้าที่กระทบกับสุขภาพ และไม่จำเป็นสำหรับการบริโภค และในกรณีที่ตกลงกันได้ว่า จะต้องจัดเก็บจริง ก็ต้องเรียกผู้ประกอบการต่าง ๆ และผู้บริโภคมาทำความเข้าใจร่วมกัน ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมาย จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นราว 3 หมื่นล้านบาท"
นายพฤฒิชัยกล่าว
สำหรับแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ชา กาแฟเบื้องต้นคาดว่า จะจัดเก็บภาษีในอัตรา 10-20 % โดยประเมินตามปริมาณกาเฟอีนของสินค้า คิดเป็นรายได้ปีละประมาณ 1,500-3,000 ล้านบาท ขณะที่สถานบริการ คาดว่าจะจัดเก็บภาษีอัตรา 10%
คิดเป็นรายได้ปีละ 1,000 ล้านบาท ส่วนบุหรี่และเหล้า น่าจะมีรายได้ปีละ 10,000 ล้านบาท รวม 3 ประเภท ประมาณ 15,000
ล้านบาท
ส่วนภาษีตัวอื่น ๆ เช่น สลากกินแบ่งรัฐบาล เกมออนไลน์ เอสเอ็มเอส เป็นต้น น่าจะเก็บได้ประมาณ 15,000 ล้านบาท ทั้งนี้ จะมีการปรับคำนิยามเกี่ยวกับสถานประกอบการให้ทันสมัยมากขึ้น
จากเดิมที่กำหนดหลักการไว้ว่า
สถานบริการที่เข้าข่ายจะต้องเสียภาษีสรรพสามิต จะต้องมีการดื่ม กิน เต้นรำและมีการแสดงเป็นประจำ จึงจะเป็นดิสโก้และไนต์คลับ
แต่ปัจจุบันไม่มีการจัดทำพื้นที่เต้นรำ ทำให้ไม่ต้องเสียภาษี
ดังนั้น
จำเป็นจะต้องปรับใหม่ให้ครอบคลุมสถานบริการทั่วประเทศที่มีถึง 4,000 แห่ง ซึ่ง รมว.คลังเห็นด้วย สามารถออกเป็นประกาศกระทรวงได้ทันที ส่วนการจัดเก็บภาษีจากสถานบริการกว่า 300 แห่ง ที่ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและพบว่า เข้าข่ายต้องเสียภาษีนั้น
ต้องรอผลสรุปจากคณะกรรมการปฏิรูปโครงสร้างภาษีฯชุดที่มี น.ส.สุภาเป็นประธาน สรุปออกมาในอีก 2 สัปดาห์
ที่มา – นสพ.ไทยโพสต์