วันที่ 4 มี.ค.2552 เวลา 09.00 น. ชาวบ้านจาก อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง กว่า 300 คน เดินทางมายังศาลปกครองเชียงใหม่ เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีที่ชาวบ้านยื่นฟ้องการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ) และเจ้าหน้าที่รัฐ ในกรณีละเมิดและละเลยการปฏิบัติหน้าที่ 2 กลุ่ม 35 คดี
โดยคดีแรก 19 สำนวน ชาวบ้านฟ้อง กฟผ.ว่า ใช้ถ่านหินลิกไนต์คุณภาพต่ำผลิตกระแสไฟฟ้าโดยมิได้บำบัดอากาศเสียให้ได้มาตรฐาน ก่อนปล่อยออกสู่บรรยากาศ ทำให้เกิดฝุ่นและละอองขี้เถ้าของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์แพร่กระจายจนเกิดราษฎรมีอาการเจ็บป่วย 868 คน สัตว์ล้มตาย พืชผลเสียหาย
ศาลได้กำหนดค่าเสียหายเป็นค่าเสื่อมสุขภาพอนามัยและจิตใจแก่ราษฎรในพื้นที่จริง ตามพฤติการณ์และความร้ายแรงของการกระทำตามปริมาณและจำนวนครั้งที่ กฟผ.ปล่อยก๊าซฯ โดยส่วนใหญ่ได้รับรายละ 246,900 บาทพร้อมดอกเบี้ย
คดีที่ 2 จำนวน 16 คดี ราษฎรฟ้อง กฟผ. ว่าไม่ทำตามเงื่อนไขในประทานบัตรและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีข้อเท็จจริงปรากฏว่า กฟผ. ไม่ปฏิบัติตามมาตรการหลายประการ และพิพากษาให้ กฟผ. อพยพหมู่บ้านออกนอกรัศมีผลกระทบ 5 กิโลเมตร ส่วนกรณีนำที่ดินปลูกป่าไปสร้างสนามกอล์ฟ
ซึ่ง กฟผ. อ้างว่าเป็นการฟื้นฟูสภาพเป็นสวนพฤกษชาติและสนามกอล์ฟสามารถลดผลกระทบจากการชะล้างของน้ำและลมได้ แต่ศาลเห็นว่าการปลูกป่าจะได้ไม้ยืนต้น แหล่งต้นน้ำ สัตว์ป่า ส่วนสนามกอล์ฟเป็นการทำลายที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และที่ดินของรัฐมีเพื่อกิจการทำเหมืองเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ใช่สนามกอล์ จึงให้ กฟผ.ปลูกป่าทดแทนในพื้นที่ที่ทำสนามกอล์ฟ
นอกจากนี้ ยังปรากฏว่าอธิบดีกรมควบคุมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ ละเลยไม่ควบคุมดูแลกฟผ. ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีรายอื่น เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง มิได้ละเลยหน้าที่
ด้านนางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ เลขาธิการเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปางเรียกร้องไม่ให้ กฟผ.อุทธรณ์ในคดีนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาชาวบ้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลายคนเสียชีวิตไปแล้ว หลังต้องใช้เวลาต่อสู้มานานกว่า 30 ปี และจากนี้ชาวบ้านอีก 200 คน ซึ่งเป็นผู้ป่วยจากมลพิษจะยื่นหนังสือถึงนายอำเภอแม่เมาะ เพื่อขอให้ช่วยอพยพออกนอกพื้นที่ หลังจากชาวบ้านกลุ่มหนึ่งอพยพไปก่อนแล้ว.
ที่มา–สำนักข่าวไทย อสมท.
ข้อมูลเพิ่มเติม – สรุปคำแถงการณ์ของตุลาการผู้แถลงคดี "คดีฟ้องโรงไฟฟ้าแม่เมาะ"