คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5251/2534
แม้โจทก์และบริษัท ส. จะเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน แต่โจทก์และบริษัท ส. ต่างเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกันและต่างก็มีสิทธิหน้าที่ไปคนละอย่าง โจทก์จะอ้างว่าเงินที่โจทก์นำไปชำระให้แก่ธนาคาร ก. แทนบริษัท ส. เป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิของโจทก์ย่อมไม่ได้ เพราะมิใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการของโจทก์โดยเฉพาะ จึงต้องห้ามมิให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4438/2533
โจทก์เป็นผู้กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินแล้วนำเงินจำนวนนั้นไปให้บริษัท ฟ. โดยข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏว่าโจทก์มีหน้าที่ข้อผูกพันในกิจการของตนในอันที่จะต้องจ่ายเงินตามจำนวนที่กู้ยืมมาให้กับบริษัท ฟ. ดอกเบี้ยที่โจทก์จ่ายตามเงินยืมดังกล่าวจึงมิใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะตามที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากรมาตรา 65 ตรี (13)
คำถาม
กรณีบริษัทชำระหนี้แทนบริษัทในเครือกับกรณีการจ่ายดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินแล้วนำไปให้อีกบริษัทหนึ่งใช้ ทั้งสองกรณีสามารถนำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้หรือไม่ อย่างไร
คำตอบ
การชำระหนี้แทนแม้จะเป็นบริษัทในเครือเดียวกันแต่ต่างเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกัน ไม่ว่าจะมีกิจการเกี่ยวเนื่องกันหรือไม่ ไม่ใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการของบริษัทโดยเฉพาะ และการที่บริษัทกู้ยืมเงินมาจากสถาบันการเงินแล้วนำไปให้อีกบริษัทหนึ่งใช้โดยไม่ปรากฏหน้าที่ข้อผูกพันที่จะต้องให้เงิน ดอกเบี้ยที่จ่ายตามเงินกู้ยืมดังกล่าวไม่ใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะเช่นกัน จึงเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร