ราชศักดิ์ กุลกัลยา
บริษัท สำนักกฎหมายธรรมนิติ จำกัด
เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีการจัดทำบัญชีให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้ออกพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 607) พ.ศ. 2559 เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการจ้างนักเรียนหรือนักศึกษาซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในแผนกหรือสาขาบัญชีให้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับบัญชี โดยให้สิทธิผู้ประกอบการสามารถนำค่าจ้างที่จ่ายให้นักเรียนหรือนักศึกษาดังกล่าวนั้นมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้อีก 1 เท่า สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2559 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้[1]
1. ผู้ประกอบการต้องเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ดังนั้น กรณีบริษัทต่างประเทศที่เข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทย หรือสาขาของบริษัทต่างประเทศที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย จึงไม่สามารถรับสิทธิตามกฎหมายฉบับนี้ได้
2. มีสินทรัพย์ถาวรมูลค่าไม่เกิน 200 ล้านบาท ทั้งนี้สินทรัพย์ถาวรดังกล่าวไม่รวมถึงที่ดิน
3. มีการจ้างแรงงานในการประกอบกิจการไม่เกิน 200 คน
4. ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด[2]
สำหรับนักเรียนหรือนักศึกษาที่กำลังศึกษาในหลักสูตรบัญชีนั้น ต้องเป็นหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากสถาบันการศึกษาในสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ วิทยาลัยชุมชน สถาบันราชภัฏ สถานศึกษาอาชีวศึกษา สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล เป็นต้น ทั้งนี้รวมถึงมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน เนื่องจากอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)[3] ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงศึกษาธิการ จึงถือว่ามหาวิทยาลัยเป็นสถาบันการศึกษาที่อยู่ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดต่อไป
ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อผู้ประกอบการได้จ่ายค่าตอบแทนให้แก่นักเรียนหรือนักศึกษาแล้วแล้ว ค่าตอบแทนดังกล่าวเป็นรายจ่ายเพื่อกิจการ ผู้ประกอบการมีสิทธินำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้[4] และเมื่อผู้ประกอบการปฏิบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขดังที่ได้กล่าวมาแล้ว กิจการนั้นย่อมสามารถได้รับสิทธินำค่าตอบแทนที่จ่ายไปนั้นมาเป็นรายจ่ายได้อีกเท่าหนึ่ง
ตัวอย่าง กรณีบริษัทที่เข้าหลักเกณฑ์ที่กล่าวมาข้างต้น จ่ายค่าจ้างให้แก่พนักงานทั่วไปของบริษัท จำนวน 1,000,000 บาท และจ่ายค่าจ้างพนักงานที่เป็นนักศึกษาที่กำลังศึกษาปริญญาตรี สาขาบัญชีจำนวน 200,000 บาท
ค่าจ้างของพนักงานทั้งหมดรวม 1,200,000 บาท
รายจ่ายที่หักเพิ่มได้อีกตาม พ.ร.ฎ. ฉบับที่ 607 200,000 บาท
รวมรายจ่ายทั้งหมด 1,400,000 บาท
จากการออกพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ก็เพื่อสนับสนุนโครงการบัญชีเล่มเดียวที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจัดทำบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการซึ่งรัฐบาลได้ออกกฎหมายดังกล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้[5] ผู้เขียนเห็นว่ามิใช่เฉพาะผู้ประกอบการเท่านั้นที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการนำค่าจ้างมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้อีกเท่าหนึ่ง แต่ยังก่อให้เกิดการจ้างงานจากนักเรียนหรือนักศึกษาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งบรรดานักเรียนหรือนักศึกษาที่ถูกจ้างงานย่อมได้รับประสบการณ์ในการทำงาน และฝึกทักษะด้านวิชาชีพบัญชี ไปพร้อมกัน และยังมีรายได้ระหว่างศึกษาอีกด้วย เมื่อนักเรียนหรือนักศึกษาเหล่านี้จบการศึกษาแล้ว ย่อมเป็นบุคลากรด้านวิชาชีพบัญชีที่มีคุณภาพ และเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานต่อไป
[1] มาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 607) พ.ศ. 2559
[2] ยังไม่มี หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ณ วันที่ 17 พฤษภาคม 2559
[3] มาตรา 16 แห่ง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษา พ.ศ. 2546
[4] มาตรา 65ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
[5] พระราชกำหนด ยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร พ.ศ.2558 และ
พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 595) พ.ศ.2558