นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง
กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนา "แก้ไขกฎหมายศุลกากรและสรรพสามิต
เพื่อใคร?" จัดโดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ภาคเอกชนได้เสนอให้มีการพิจารณาแก้ไขเกี่ยวกับเรื่องสินบนและรางวัลนำจับที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ
โดยเอกชนมองว่ายังมีช่องโหว่จนทำให้เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรอาจจะใช้เป็นช่อง
ทางในการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง จนเกิดลักษณะที่เรียกว่า "ศาลเตี้ย"
ซึ่งได้รับว่าจะนำไปพิจารณา แต่ต้องให้ฝ่ายกฎหมายไปดูก่อน
นายกิตติพงษ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่า ประเด็นเรื่องสินบนนำจับและเงินรางวัล ที่แบ่งให้กับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร
ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เป็นเผือกร้อน แต่พบว่าในร่าง พ.ร.บ.ศุลกากร
พ.ศ… ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง
พบว่าไม่ได้มีการแก้ไขปัญหาในเรื่องเกี่ยวกับสินบนนำจับและรางวัลนำจับเลย
ดังนั้น กกร.จึงได้มีข้อเสนอให้มีการแก้ไขในเรื่องนี้
นายกิตติพงษ์กล่าวว่า สินบนนำจับที่กำหนดในปัจจุบันเป็นปัญหาต่อการค้าการลงทุนของประเทศ เพราะอาจถูกใช้เป็นช่องทางการเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากส่วนแบ่งที่เจ้าหน้าที่จะได้รับมีสัดส่วนสูงมาก
โดยจะมีการจ่ายสินบนนำจับให้แก่ผู้แจ้งความนำจับ 30%
ของเงินค่าปรับ และรางวัลนำจับให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีก 25%
รวมเป็น 55% ส่วนกรณีไม่มีผู้แจ้งความนำจับ จะจ่ายรางวัล 30%
ประเด็นคือ สินบนนำจับจะจ่ายให้ผู้แจ้งความนำจับ
ซึ่งก็เป็นเจ้าที่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจับกุม
ส่วนรางวัลนำจับ จะจ่ายให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด และที่น่าสังเกตคือ ต้องมีการตรวจปล่อยของที่นำเข้าก่อน แล้วจึงจับกุมจึงจะได้รางวัล
และการแบ่งรางวัลนั้น รางวัล 1 ใน 3 จะเป็นของผู้จับกุม และรางวัล 2 ใน 3 แบ่งให้เจ้าหน้าที่ตามสัดส่วน
" ยกตัวอย่างกรณีการนำเข้าเหล็กซิลิคอน ถ้าผู้นำเข้าทุกรายยอมเสียค่าปรับ จะเป็นเงินทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท กฎหมายบอกว่า เงินสินบนนำจับทั้งหมด 55% จะเท่ากับ 1,650 ล้านบาท จะตกเป็นของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และเงินดังกล่าวไม่ต้องเสียภาษีเงิน
ได้ด้วย ใหญ่กว่าประมวลรัษฎากรอีก
อีกทั้งบริษัทผู้นำเข้าสามารถนำเบี้ยปรับเงินเพิ่มของกรมศุลกากรมาตัดเป็นค่าใช้จ่ายได้ คือหากบริษัทเสียภาษี 30% บริษัทก็นำเงิน 3,000
ล้านบาท ดังกล่าวมาหักภาษีได้ 900 ล้านบาท จึงเหลือเงินเข้ารัฐเพียง 450 ล้านบาทหรือแค่ 15% เท่านั้น" นายกิตติพงษ์กล่าว
นายจรณชัย ศัลยพงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการภาษีสรรพสามิต
สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาการปรับภาษีสรรพสามิต
โดยเฉพาะภาษีสุราและภาษียาสูบ พบว่าในช่วง 7 วันก่อนปรับ
ซึ่งรัฐบาลมีการออกข่าวล่วงหน้า ได้ส่งผลกระทบเป็นอย่างมาก
ทำให้เกิดการกักตุนสินค้า การปลอมแปลงและลักลอบนำเข้าสินค้าจำนวนมาก
ทั้งนี้ ภาคเอกชนเห็นว่าควรทบทวน ปฏิรูปการเพิ่มฐาน
และอัตราภาษีสรรพสามิตที่ปัจจุบันจะเป็นการปรับขึ้นแบบก้าวกระโดด
จนส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ รวมถึงผู้บริโภค
ที่มา ไทยโพสต์