Q : เสียภาษีมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยจากการขอคืนภาษีจากกรมสรรพากรหรือไม่? อย่างไร?
A : ประมวลรัษฎากร มาตรา 4 บัญญัติให้ผู้เสียภาษีมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ได้รับคืนโดยไม่คิดทบต้น และดอกเบี้ยที่ได้รับจะไม่เกินกว่าจำนวนภาษีที่ได้รับคืน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฉบับที่ 161 (พ.ศ. 2526)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2567/2560 กรณีคืนเงินภาษีอากรที่ต้องชำระตามแบบแสดงรายการให้เริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันครบกำหนดระยะเวลาสามเดือนนับแต่วันที่ยื่นคำร้องขอคืนเงินภาษีอากรและให้คิดดอกเบี้ยถึงวันที่ลงในหนังสือแจ้งคำสั่งคืนเงิน เมื่อโจทก์ส่งเอกสารหลักฐานให้จำเลยตรวจสอบจนทราบว่าโจทก์ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจริง จำเลยจึงต้องสั่งคืนดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ได้รับคืนโดยไม่คิดทบต้น และดอกเบี้ยที่ได้รับก็ไม่เกินกว่าจำนวนภาษีที่ได้รับคืนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฉบับที่ 161 (พ.ศ.2526) การที่เจ้าพนักงานเรียกให้โจทก์ส่งมอบเอกสารเพื่อตรวจสอบ มีผลเพียงให้ระงับการคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันสุดท้ายของเวลาที่เจ้าพนักงานสั่งเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7848/2560 การระงับการคิดดอกเบี้ยตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 161 (พ.ศ.2526) ข้อ 2 วรรคสามและวรรคสี่ ต้องเป็นกรณีที่ผู้ขอคืนภาษีอากรไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานที่สั่งให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบ หากไม่ส่งเอกสารหรือหลักฐาน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานภายในกำหนดเวลา จึงให้ระงับการคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันสุดท้ายของวันที่เจ้าพนักงานสั่งจนถึงวันที่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน เมื่อหมายเรียกระบุให้โจทก์ไปให้ถ้อยคำและนำส่งเอกสารหลักฐานต่างๆ ในวันที่ 10 มกราคม 2548 แม้โจทก์ได้มีหนังสือลงวันที่ 4 มกราคม 2548 ขอให้เจ้าพนักงานมาตรวจสอบ ณ สำนักงานของโจทก์ก็ตาม แต่ก็ต้องถือเอาวันที่เจ้าพนักงานเข้าไปตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ณ สำนักงานของโจทก์ เป็นวันที่โจทก์ได้ส่งมอบเอกสารหลักฐาน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในสำนวนการตรวจสอบภาษี ไม่มีบันทึกคำให้การ (ต.6) ในการเข้าไปตรวจสอบกิจการของโจทก์ และหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏหลักฐานใดๆ ที่เจ้าพนักงานขอให้โจทก์ส่งเพิ่มเติม จึงไม่มีเหตุที่จะระงับการคิดดอกเบี้ยให้แก่โจทก์